การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (PM) สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและมอเตอร์เกียร์

การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance: PM) สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและมอเตอร์เกียร์เป็นสิ่งจำเป็นในโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยลดโอกาสการหยุดทำงานกะทันหัน ยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มความปลอดภัยของระบบขับเคลื่อน บทความนี้รวบรวมตารางงาน PM รายวัน–รายปี วิธีตรวจเช็ค เครื่องมือแนะนำ และแนวทางการบันทึกผล เพื่อให้ทีมช่างดำเนินการได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

  1. ทำไมต้องมี PM สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและมอเตอร์เกียร์?
  • ลด downtime และความเสี่ยงการเสียหายฉับพลัน
  • ยืดอายุแบริ่ง ขดลวด และเฟือง ลดค่าใช้จ่ายอะไหล่
  • ป้องกันอุบัติเหตุจากมอเตอร์ร้อน/ลัดวงจร
  • ทำให้การวิเคราะห์แนวโน้มปัญหา (trend) เป็นไปได้จากข้อมูลที่บันทึก
  1. ตาราง PM แนะนำ
  • รายวัน (ก่อนใช้งาน/ขณะทำงาน)
    • ฟังเสียงมอเตอร์/เกียร์ว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่
    • ตรวจกลิ่นไหม้หรือความร้อนผิดปกติ (สัมผัสภายนอก/IR thermometer)
    • สังเกตแรงดันและกระแสไฟให้เป็นค่าปกติ
  • รายสัปดาห์
    • ทำความสะอาดพื้นผิว มอเตอร์ และช่องระบายอากาศ ปัดฝุ่นและคราบน้ำมัน
    • ตรวจสายไฟ ขั้วต่อ ไม่ให้หลวม หรือมีรอยไหม้
  • รายเดือน
    • วัดกระแสไฟ (A) เปรียบเทียบกับค่าสเปค
    • ตรวจฉนวนสายไฟ (visual) และเช็กการสั่นสะเทือนเบื้องต้น
  • ราย 3–6 เดือน
    • ตรวจสภาพแบริ่งและอัดจาระบีตามคู่มือผู้ผลิต
    • ตรวจวัดการสั่นสะเทือน (Vibration analysis) หากค่าผิดปกติให้หาสาเหตุ
    • ตรวจระดับน้ำมันเกียร์และสภาพน้ำมัน (สำหรับมอเตอร์เกียร์)
  • รายปี
    • ทดสอบค่าความต้านทานฉนวน (Insulation Resistance Test — Megger)
    • ถอดตรวจภายในมอเตอร์และชุดเกียร์ ทำความสะอาดและเปลี่ยนชิ้นส่วนสึกหรอ
    • ตรวจสอบและเปลี่ยนแบริ่งหากพบการสึกหรอหรือเสียงผิดปกติ

  1. การ PM มอเตอร์เกียร์โดยละเอียด
  • รายวัน: ฟังเสียง ตรวจแรงสั่น และเช็กการรั่วน้ำมัน
  • รายเดือน: ตรวจระดับน้ำมันเกียร์ ตรวจนอตยึด และตรวจซีล
  • ราย 3–6 เดือน: เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามสเปค ตรวจฟันเฟืองภายใน (ถ้าเปิดได้)
  • รายปี: ถอดทำความสะอาดภายใน ตรวจแบริ่ง เฟือง และทดสอบประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับมอเตอร์
  1. เครื่องมือแนะนำสำหรับ PM
  • Infrared thermometer / Thermal camera — ตรวจหาจุดร้อน
  • Clamp meter / Multimeter — วัดกระแส แรงดัน และค่าต่างๆ
  • Megohmmeter (Insulation tester) — ตรวจฉนวนขดลวด
  • Vibration analyzer — ตรวจและวิเคราะห์สาเหตุการสั่นสะเทือน
  • Oil analysis kit — ตรวจสภาพน้ำมันเกียร์
  • เครื่องมือช่างพื้นฐาน: ไขควง ประแจ ไขควงวัดฉนวน ฟันเฟืองเช็ค

  1. วิธีการบันทึกผล PM และการวิเคราะห์แนวโน้ม
  • เก็บข้อมูลทุกครั้ง: วันที่ เวลา ชื่อผู้ตรวจ วัดค่าอุณหภูมิ A, กระแส (A), ค่า Megger, ค่า vibration (mm/s) และสภาพภายนอก/หมายเหตุ
  • ใช้แบบฟอร์ม PM หรือ CMMS (Computerized Maintenance Management System) เพื่อบันทึกและแจ้งเตือนรอบถัดไป
  • วิเคราะห์ trend: หากค่าอุณหภูมิ/กระแส/การสั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้เตรียมแผนซ่อมก่อนเกิดความเสียหายใหญ่
  1. เคล็ดลับปฏิบัติที่ควรทำ
  • ปฏิบัติตามคู่มือผู้ผลิตทั้งอัตราการอัดจาระบีและชนิดน้ำมันเกียร์
  • หลีกเลี่ยงการเติมจาระบีมากเกินไป (overgreasing) ซึ่งอาจทำให้แบริ่งร้อน
  • ตรวจแนวเพลา (shaft alignment) ทุกครั้งหลังการติดตั้งหรือซ่อมใหญ่
  • ตั้งค่า alarm และ protection (overload relay, temperature sensor) เพื่อป้องกันสูญเสียฉับพลัน
  1. ความถี่ PM ที่แนะนำตามการใช้งาน
  • ใช้งานปกติ (8–16 ชม./วัน): PM ทุก 3–6 เดือน และตรวจรายเดือน/สัปดาห์ตามตารางข้างต้น
  • ใช้งานหนัก/24 ชม. ต่อวัน: PM ทุกเดือน และตรวจสภาพรายสัปดาห์
  • งานสำคัญที่ความแม่นยำสูง: เพิ่มการตรวจวัด vibration/temperature แบบออนไลน์ (continuous monitoring)
  1. ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการทำ PM อย่างสม่ำเสมอ
  • ลด downtime และค่าใช้จ่ายซ่อมฉุกเฉิน
  • ยืดอายุการใช้งานมอเตอร์และเกียร์ ลดการเปลี่ยนชิ้นส่วนบ่อยครั้ง
  • เพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของสายการผลิต
  • ลดการใช้พลังงานจากมอเตอร์ที่ทำงานผิดปกติ

สรุป
การทำ PM สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและมอเตอร์เกียร์ ตามรอบเวลาอย่างเป็นระบบเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทั้งในแง่การลดค่าใช้จ่ายระยะยาวและการเพิ่มความเสถียรของการผลิต ใช้เช็คลิสต์ ตารางการตรวจ และเครื่องมือวัดที่เหมาะสม รวมทั้งบันทึกข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการเสื่อมสภาพ